โรคกระดูกข้อเข่าเสื่อม คือโรคที่เกิดจากกระดูกอ่อนบริเวณข้อเข่าเกิดการสึกหรอและเสื่อมสภาพลง
ซึ่งกระดูกอ่อนบริเวณข้อเข่าจะทำหน้าที่ในการปกป้องและเป็นตัวรับแรงกระแทกในข้อเข่า
โรคกระดูกข้อเข่าเสื่อมจะมีอาการปวดเข่า มีเสียงในข้อ บวม ข้อเข่าโก่งงอ
และข้อเข่าจะยึดติดทำให้ไม่สามารถเหยียดหรืองอเข่าได้
วิธีการรักษาแบบเดิม คือ การผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่า
วิธีนี้จะช่วยรักษาโรคกระดูกข้อเข่าเสื่อมได้ประมาณ 10-15 ปี
ทำให้ผู้ป่วยต้องได้รับการผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าใหม่หลายครั้ง
เกิดความรู้สึกเจ็บปวดหลังผ่าตัด และพักฟื้นจากการผ่าตัดหลายครั้ง ดังนั้น
พล.ต.ท.นพ.จงเจตน์ อาวเจนพงษ์
จึงมีแนวคิดที่จะพัฒนานวัตกรรมการปลูกถ่ายไขกระดูกอ่อนเซลล์ต้นกำเนิดจากเลือดขึ้นมาประกอบกับการใช้เทคนิคการผ่าตัดผ่านกล้องเพียงครั้งเดียว
สเต็มเซลล์หรือเซลล์ต้นกำเนิดคือเซลล์ชนิดพิเศษพบได้ทุกช่วงเวลาของการเจริญเติบโตในสิ่งมีชีวิตสามารถแบ่งตัวได้อย่างไม่จำกัดและสามารถเปลี่ยนแปลงไปเป็นเซลล์ได้เกือบทุกชนิดในร่างกายเช่น เซลล์ผิวหนัง สมอง หัวใจ กล้ามเนื้อ และเซลล์เม็ดเลือด มีหน้าที่สำคัญในการแบ่งตัวเพิ่มจำนวนและเปลี่ยนแปลงไปเป็นเซลล์ชนิดต่างๆ เพื่อทดแทนเซลล์ที่เสื่อมสภาพในร่างกาย
สเต็มเซลล์ที่ทำหน้าที่ในการรักษาโรคข้อเข่าเสื่อม เป็นสเต็มเซลล์ที่ได้มาจากการเจาะเลือดบริเวณแขนของผู้ป่วย
ประมาณ 1000-2000 ซีซี นำเข้าเครื่องกรองเพื่อปั่นเก็บสเต็มเซลล์จากเลือด
จากนั้นให้เลือดวนกลับเข้าสู่ร่างกายของผู้ป่วยเหมือนเดิม
วิธีนี้จะทำให้ผู้ป่วยไม่ต้องสูญเสียเลือด และไม่ต้องเจ็บปวดจากการเจาะไขกระดูก
นอกจากนี้ยังมีวิธีการเก็บสเต็มเซลล์เม็ดเลือดจากไขกระดูกบริเวณสะโพก และการเก็บจากสายสะดือทารก
วิธีการรักษา
1. เมื่อได้สเต็มเซลล์จากเลือดแล้วทำการส่องกล้องเข้าไปที่ข้อเข่าผู้ป่วยเพื่อตรวจสอบและใช้เครื่องมือขนาดเล็กประมาณ
3 มิลลิเมตร สอดเข้าไปเพื่อนำกระดูกอ่อนเก่าที่เสื่อมออก
2. จากนั้นเจาะรูที่บริเวณดังกล่าวประมาณ 3-5
รู และสร้างขอบให้ยึดเกาะได้
3. ฉีดสเต็มเซลล์เลือดของผู้ป่วยตามรูที่เจาะไว้เพื่อเข้าไปเกาะ
พร้อมกับสารอาหารเจริญเติบโตที่ได้มีการเตรียมไว้
4. ใช้เวลาทั้งหมดประมาณ 40 นาที
5. เมื่อปลูกถ่ายเสร็จแล้วใช้เวลาอีกประมาณ 2 อาทิตย์
กระดูกอ่อนก็จะเริ่มเติบโตจนผู้ป่วยสามารถเดินได้เองโดยไม่ต้องใช้ไม้เท้า
6. ถ้าจะเล่นกีฬาต้องรออีกประมาณ 2-3 เดือน ทั้งนี้เมื่อกระดูกอ่อนโตจนสามารถเลี้ยงตัวเองได้จะมีความหนาประมาณ 4-5
มิลลิเมตร จากขนาดปกติจะมีความหนาประมาณ 6-8 มิลลิเมตร
สามารถใช้งานได้ประมาณ 10 นอกจากนี้แผลผ่าตัดยังมีขนาดเล็กประมาณ
1 เซนติเมตร
7. หลังจากปลูกถ่ายไปแล้วได้มีการวิเคราะห์โดยการตัดชิ้นเนื้อออกมาตรวจสอบ
เมื่อพบว่าเป็นกระดูกอ่อนที่มีเซลล์งอกขึ้นมาจริงถือว่าการรักษานั้นสำเร็จ
ข้อจำกัด
1. มีอาการข้อเข่าเสื่อม
หรือการบาดเจ็บของกระดูกอ่อนในระยะต้น
2. มุมของกระดูกผิดรูปน้อยกว่า 3 องศา
3. ผู้ป่วยต้องใช้สเต็มเซลล์ของตัวเองในการรักษา
เพราะจะไม่ทำให้เกิดอาการแพ้
4. ถ้ามีการใช้สเต็มเซลล์ของคนอื่นจะต้องมีการใช้ยากดภูมิคุ้มกันเพื่อไม่ให้มีผลกระทบกับร่างกาย
ข้อดี
- แผลผ่าตัด หรือแผลจากการรักษามีขนาดเล็ก
- ช่วยลดความเจ็บปวด
- ช่วยลดความเจ็บปวด
- ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย
- ช่วยให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้นตามธรรมชาติ
- ไม่ต้องสูญเสียเลือดและไม่ต้องเจ็บตัวจากการเจาะไขกระดูก
ข้อเสีย
หากมีข้อผิดพลาดจากการทำสเต็มเซลล์จะส่งผลให้ไม่สามารถควบคุมได้
เซลล์โตหรือขยายตัวขึ้น เมื่อเซลล์โตมากๆ ก็จะกลายเป็นเนื้องอกของเส้นเลือด
แหล่งอ้างอิง
การปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหิต.[ออนไลน์].เข้าถึงได้จาก: http://med.mahidol.ac.th/ content/10212013-1117-th. (วันที่ค้นข้อมูล: 23 มีนาคม 2559).
คณะเภสัชศาสตร์
มหาวิทยาลัยมหิดล. สเต็มเซลล์.[ออนไลน์].เข้าถึงได้จาก: http://www.pharmacy.mahidol.ac.th/th/knowledge/article/198/สเต็มเซลล์-เซลล์ต้นกำเนิด/(วันที่ค้นข้อมูล: 23 มีนาคม 2559).
นวัตกรรมใหม่รักษาข้อเข่าเสื่อม
ปลูกกระดูกอ่อนจากสเต็มเซลล์เลือดผ่านกล้อง.[ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก:https://ascannotdo.wordpress.com.
(วันที่ค้นข้อมูล: 23 มีนาคม 2559).
พัฒนา เต็งอำนวย.(2555,มีนาคม- สิงหาคม).ข้อคิดเกี่ยวกับสเต็มเซลล์บำบัด.วารสารสำนักการแพทย์ทางเลือก,5(2)
โรคข้อเข่าเสื่อม.
[ออนไลน์].เข้าถึงได้จาก : https://www.bumrungrad.com/th/joint-replacement-surgery-center-bangkok-thailand/knee-osteoarthritis. (วันที่ค้นข้อมูล: 23 มีนาคม 2559).
ศริศักดิ์ สุนทรไชย.(2551,กุมภาพันธ์- เมษายน).สเต็มเซลล์(Stem cell).วารสาร ความปลอดภัยและสุขภาพ,1(3)
จัดทำโดย
นางสาวอรุณี วงศ์ขัติ
นักศึกษาคณะพยาบาลศาสตร์แมคคอร์มิค
ขอบคุณสำหรับสาระดีๆค่ะ
ตอบลบมีประโยชน์มากๆเลยค่ะ
ตอบลบขอบคุณนะคะ เป็นประโยชน์มากค่ะ
ตอบลบเนื้อหาน่าสนใจมากๆค่ะ
ตอบลบ