วันศุกร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2559

ไม้นวดลดปวดกล้ามเนื้อ


ที่มาของนวัตกรรม
โรคปวดกล้ามเนื้อหลังเป็นโรคเรื้อรังที่ก่อให้เกิดความไม่สุขสบาย ประสิทธิภาพการทำงานลดลง  วิธีการบรรเทาอาการปวดกล้ามเนื้อหลังมีหลายวิธี เช่น เปลี่ยนท่านอน ประคบด้วยความร้อน รับประทานยาแก้ปวดหลัง ใช้คลื่นความร้อนกระตุ้นเส้นประสาท นวดกดจุด เป็นต้น การบรรเทาอาการปวดโดยการนวดด้วยมือ หรือที่เรียกว่าหัตถบำบัด มีข้อจำกัดคือ แรงของผู้นวดไม่สม่ำเสมอ และเกิดความเมื่อยล้า ดังนั้นทางกลุ่มนักศึกษาของวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี ขอนแก่น
         
     จึงได้คิดค้นสิ่งประดิษฐ์ที่เรียกว่า ไม้นวดลดปวดกล้ามเนื้อ เพื่อช่วยนวดบรรเทาอาการปวดกล้ามเนื้อหลังซึ่งสามารถกำหนดลงจุดนวดและเพิ่มแรงตามความต้องการได้

     นวัตกรรมนี้ประดิษฐ์จาก เมล็ดมะค่า ซึ่งเมล็ดมะค่ามีสรรพคุณ คือ ใช้เป็นยาแก้โรคผิวหนัง เป็นยาขับพยาธิ และทำให้ริดสีดวงทวารแห้ง
ดอกและผล
ผลและเมล็ด

ประโยชน์ของไม้นวดลดปวดกล้ามเนื้อ


        การใช้ไม้นวดจากเมล็ดมะค่าจะช่วยลดอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อหลังและไหล่ได้เป็นอย่างดี



วิธีการนวด

  1. นวดตามแนวของกล้ามเนื้อหลังและไหล่ 2 ข้าง
  2นวดแต่ละจุดโดยการค่อยๆ เพิ่มแรงกดจนเริ่มรู้สึกปวดและให้นวดวนไปมาขึ้น-ลง ต่อเนื่องกัน ทั้งหมด 3 รอบ ตามหลังและไหล่ทั้ง 2 ข้าง
  3. เมื่อนวดครบทั้งหมด 3 รอบแล้ว ให้เอามือจับบริเวณที่นวดว่ากล้ามเนื้อเคลื่อนไหวตัวได้ดีหรือไม่
  4. ถ้านวดแล้วกล้ามเนื้อยังหดเกร็งอยู่ควรนวดต่อไปเรื่อยๆ จนกว่ากล้ามเนื้อค่อยๆ คลายตัว

            นวัตกรรมนี้ได้นำไปทดลองใช้กับผู้ที่มารับบริการในคลินิกแพทย์แผนไทยในโรงพยาบาลอุทุมพรพิสัยแบบเฉพาะเจาะจงและสมัครใจร่วมทดสอบสิ่งประดิษฐ์ที่มีอาการปวดหลัง จำนวน  20 คน พบว่าระดับความปวดกล้ามเนื้อก่อนการทดลองใช้สิ่งประดิษฐ์อยู่ในระดับปานกลาง หลังการใช้สิ่งประดิษฐ์ระดับความปวดลดลงอยู่ในระดับเล็กน้อยร้อยละ  80 และไม่ปวดเลยอยู่ในระดับร้อยละ 80

ข้อห้ามและข้อควรระวังสำหรับการนวด

   1. ในผู้ที่มีความผิดปกติในการแข็งตัวของเลือดหรือมีเลือดออกง่ายเพราะจะทำให้เกิดเลือดออกซ้ำตรงบริเวณที่นวด
   2. บริเวณที่มีความผิดปกติของระบบหลอดเลือด เช่น เส้นเลือดขอด หรือ เส้นเลือดอุดตัน
   3. บริเวณที่มีแผลทียังไม่แห้งสนิทเพราะจะทำให้แผลแยกได้รวมถึงอาจมีการติดเชื้อโรคที่แผล
   4. บริเวณที่มีการอักเสบเพราะจะทำให้อักเสบมากขึ้น
   5. บริเวณกระดูกหักที่ยังติดไม่ดี ถ้านวดแรงเกินไปอาจทำให้มีการหักซ้ำได้
   6. บริเวณที่เป็นมะเร็ง เพราะเซลล์มะเร็งอาจกระจายไปยังอวัยวะอื่นได้
   7. ห้ามนวดในคนที่มีไข้มากกว่าหรือเท่ากับ 38.5  °C



ข้อดีของการนวด

1.      ผ่อนคลายกล้ามเนื้อ ช่วยให้หายปวดเมื่อย
2.      ช่วยให้เลือดลมไหลเวียนคล่อง
3.      ข้อต่อกระดูก ทำให้การเคลื่อนไหวคล่องขึ้น ยืดอายุการใช้งาน
4.      อารมณ์และจิตใจ ทำให้ผ่อนคลาย รู้สึกอบอุ่น

ข้อเสียของการนวด

1.      เกิดอาการบวมแดงมากกว่าเดิมในกรณีมีบาดแผลหรือเกิดอุบัติเหตุเจ็บป่วยมา 
2.      อาจทำให้เกิดหลอดเลือดแตก หรืออักเสบ
3.      ทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนหลังจากการนวด เช่น โรคความดัน


เอกสารอ้างอิง 

ฟรินน์(2553).มะค่าแต้ สรรพคุณและประโยชน์ของต้นมะค่าแต้ 9 ข้อ. ค้นหาเมื่อเมษายน 2559.จาก  http://frynn.com/มะค่าแต้/

วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี ขอนแก่น(2555)ไม้นวดเมล็ดมะค่า. ค้นหาเมื่อ22 มีนาคม 2559.

Health Beauty. (2558). รวมวิธีแก้อาการปวดหลัง ปวดหลังเรื้อรัง อย่างได้ผล เลือกใช้ได้ตามความพอใจ. ค้นหาเมื่อ 27 มีนาคม 2559. จาก 


Sudarat  Homhual. (2553)มะค่าโมงค้นหาเมื่อ 22 มีนาคม 2559. จาก  

Uastravel(2556)ประโยชน์ของการนวดเพื่อสุขภาพ. ค้นหาเมื่อ 27 มีนาคม 2559. จาก  http://xn--22c9bqhn6b2ce5ci6npa.blogspot.com/2013/01/blog-post_20.html




               จัดทำโดย

นางสาว วรัทยา  ตาดี 5701210453 เลขที่ 17 Sec A

วันจันทร์ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2559

เปลี่ยนความกลัวให้กลายเป็นความกล้าในการเจาะเลือดด้วยเครื่อง Vein Viewer (สแกนหาเส้นเลือด)



เปลี่ยนความกลัวให้กลายเป็นความกล้าในการเจาะเลือดด้วยเครื่อง Vein Viewer (สแกนหาเส้นเลือด)

ในอดีต-ปัจจุบัน การเจาะเลือดยังใช้สายรัดแขน (Tourniquets) เหนือบริเวณที่ข้อศอก 2-3 นิ้ว เพื่อหาตำแหน่งที่จะเจาะเลือด วิธีนี้อาศัยความชำนาญและประสบการณ์ของผู้เจาะ หากผู้เจาะไม่ชำนาญหรือขาดประสบการณ์จะทำให้ผู้ป่วยเจ็บหลายตำแหน่ง สำหรับผู้ป่วยเด็กที่ดิ้นและร้องไห้ก็ทำให้การเจาะเลือดเป็นไปอย่างลำบาก ส่วนผู้สูงอายุบางรายเส้นเลือดหายาก หากมีนวัตกรรมใหม่ๆ ที่ช่วยในการค้นหา / สแกนหาเส้นเลือดได้ก็จะประหยัดเวลา และลดการเจาะเลือดหลายครั้งได้ ดังนั้น Memphis-based company Christie Medical Holdings จึงคิดค้นเครื่องสแกนหาเส้นเลือดขึ้นมา โดยดัดแปลงและมีการใช้งานคล้ายเครื่อง X- ray ที่ใช้ในทางการแพทย์



เครื่องสแกนนี้รูปทรงสี่เหลี่ยมมีด้ามจับ ใช้รังสีอินฟาเรด (แสงสีเขียว) ในการสแกนหาเส้นเลือดโดยไม่ต้องปรับตั้งค่าเครื่องสแกน สามารถใช้ได้นานประมาณ ชั่วโมงโดยไม่ต้องชาร์ตแบตเตอร์รี่ เครื่องจะไม่สัมผัสกับผิวหนังของผู้ป่วย สามารถหาเส้นเลือดที่อยู่ลึกได้โดยสามารถปรับระดับในการค้นหาได้ 3 ระดับ


การใช้เครื่อง Vein Viewer

        เครื่อง Vein Viewer มีหลักการใช้งานคล้ายกับเครื่อง X-ray เมื่อยิงแสงอินฟาเรดซึ่งมีความยาวคลื่น 785 nm. ลงบนผิวหนัง จะมีแสง Near-infrared ซึ่งมีความยาวคลื่น 642 nm (แสงสีเขียว) ทำการตรวจจับกับ Hemoglobin ที่มีออกซิเจนอยู่ จากนั้นระบบจับภาพและตรวจรับภาพจะส่งข้อมูลไปยังระบบประมวลผล เเสงสีเขียวจะฉายให้เห็นภาพของเส้นเลือดซึ่งจะเป็นแบบ Real-time สามารถส่องให้เห็นเส้นเลือดที่มีความลึกได้ถึง 7mm. จากพื้นผิว ซึ่งทำให้เห็นเส้นเลือดได้อย่างชัดเจนก่อนที่จะแทงเข็ม





ข้อดี

1.สามารถใช้หาเส้นเลือดในผู้ป่วยเส้นเลือดเล็ก เส้นเลือดลึก
2.ประหยัดเวลาในการหาเส้นเลือด (สามารถใช้ในผู้ป่วยฉุกเฉินได้)
3.ลดการเจาะเลือดหลายครั้งในรายที่หาเส้นเลือดอยู่ลึก เส้นเลือดมีขนาดเล็ก
4.มีความแม่นยำในการเจาะเลือด
5.ลดความวิตกกังวลในรายที่กลัวการเจาะเลือด

ข้อเสีย
1.เครื่องมีราคาแพง
2.เครื่องมีขนาดใหญ่ ไม่สามารถพกพาได้






แหล่งอ้างอิง:


สถาบันพลาสติกแห่งประเทศไทย. (2013-2014). นวัตกรรมใหม่ทางการแพทย์ ‘Vein Viewer’ เราจะไม่ทนเจ็บกับการควานหาเส้นเลือดอีกต่อไป.สืบค้นเมื่อ 22 มีนาคม 2559. จาก http://medicaldevices.oie.go.th/Article.aspx?aid=3018.

สถาบันพยาบาลเจตนิน. (2013). เจาะเลือดเรื่องง่ายทำได้ครั้งเดียว. สืบค้นเมื่อ 22 มีนาคม 2559. http://www.jetanin.com/th/service/technology_detail/18.




ผู้จัดทำ
นางสาวอริญา ศรีนวน
รหัสนักศึกษา 5701210576 เลขที่24

Sec.A




วันจันทร์ที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2559

การรักษาหัวใจเต้นผิดจังหวะด้วยคลื่นไฟฟ้า



ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ คือ การที่หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะตามธรรมชาติ โดยอาจเต้นเร็วเกินไปหรือช้าเกินไป ซึ่งเป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงของกระแสไฟฟ้าในหัวใจหรือเกิดไฟฟ้าลัดวงจรในห้องหัวใจ ทำให้การสูบฉีดเลือดไปยังส่วนต่างๆ ของร่างกายไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร และอาจส่งผลให้ผู้ป่วยมีภาวะเสี่ยงต่อภาวะหัวใจล้มเหลวหรือหลอดเลือดสมองอุดตันเพิ่มมากขึ้น สาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ ได้แก่ ความผิดปกติแต่กำเนิดหรือความผิดปกติของโครงสร้างหัวใจ เช่น กล้ามเนื้อหัวใจผิดปกติแต่กำเนิด ลิ้นหัวใจรั่ว ผนังหัวใจหนาผิดปกติ หลอดเลือดหัวใจตีบความผิดปกติของร่างกายที่มีผลต่อการทำงานของหัวใจ เช่น ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง เบาหวาน ภาวะไทรอยด์เป็นพิษ อิเล็กโทรไลต์ในร่างกายผิดปกติ ยาและสารบางชนิด เช่น ยาที่มีส่วนประกอบของแอมเฟตามีน คาเฟอีนที่อยู่ในชา กาแฟ หรือน้ำอัดลม หรือความเครียดและความวิตกกังวล ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะที่พบบ่อย ได้แก่ ภาวะหัวใจสั่นพริ้ว หรือ Atrial Fibrillation (AF) เป็นต้น


การรักษาภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ


การใช้ยาควบคุมจังหวะของหัวใจ ช่วยลดความถี่และความรุนแรงได้ แต่ไม่ช่วยให้หายขาด  เช่น ยาแอสไพรินซึ่งผู้ป่วยโรคหลอดเลือดหัวใจตีบหรือหัวใจเต้นผิดจังหวะบางชนิดจำเป็นต้องกินต่อเนื่องไปตลอดชีวิต ยาในกลุ่มนี้คือ warfarin หรือ Coumadin ถ้าระดับยาสูงเกินไปอาจทำให้เกิดเลือดออกในอวัยวะต่างๆได้ ยากลุ่ม beta-receptor blockers ผู้ป่วยที่ใช้ยาบางรายอาจมีอาการอ่อนแรงหรือความรู้สึกทางเพศลดลง เป็นต้น
การใส่เครื่องกระตุ้นหัวใจ (pacemaker) เป็นการฝังเครื่องมือเล็กๆ ไว้ใต้ผิวหนังบริเวณกระดูกไหปลาร้า เพื่อตรวจจับจังหวะการเต้นของหัวใจ และสอดสายนำไฟฟ้าไปยังหัวใจเพื่อควบคุมและกระตุ้นให้หัวใจเต้นตามอัตราที่กำหนด ความเสี่ยงในการใส่เครื่องกระตุ้นหัวใจต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนในผู้ป่วยที่มีภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะค คือ การใส่และวางสายในห้องหัวใจอาจทำให้เกิดหัวใจเต้นผิดจังหวะได้ ส่วนใหญ่ ไม่รุนแรงและเป็นเพียงชั่วคราวระยะสั้นระหว่างการวางสายนำสัญญาณ ในผู้ป่วยที่กล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรงหัวใจโตหัวใจล้มเหลว โอกาสเกิดหัวใจเต้นผิดจังหวะมีมากขึ้นเล็กน้อย
การฝังเครื่องกระตุกไฟฟ้าหัวใจ (implantable cardioverter defibrillator) เป็นการฝังเครื่องมือคล้ายกับเครื่องกระตุ้นหัวใจ ใช้ในกรณีที่ผู้ป่วยมีความเสี่ยงหัวใจห้องล่างเต้นผิดปกติ (ventricular fibrillation) ซึ่งอาจอันตรายต่อชีวิต โดยเมื่อหัวใจเต้นช้า เครื่องมือจะทำหน้าที่ในการกระตุ้นหัวใจ แต่เมื่อหัวใจเต้นเร็ว เครื่องมือจะปล่อยพลังงานไฟฟ้าในระดับที่เหมาะสมเพื่อกระตุกหัวใจให้กลับมาเต้นปกติทันทีต้องทำการผ่าตัดฝังเครื่องและสายเข้าในตัวคน  
       ข้อเสียของการฝังเครื่องกระตุกไฟฟ้าหัวใจคือ แม้จะเป็นการผ่าตัดเล็ก อาศัยยาชาเฉพาะที่และยานอนหลับหรือยาสลบอ่อนๆ แต่การผ่าตัดอาจมีภาวะแทรกซ้อนได้เช่นเดียวกับการผ่าตัดอื่นๆ เช่น ปัญหาเลือดออก การติดเชื้อ โดยเฉพาะสิ่งที่ใส่เข้าไปเป็นสิ่งแปลกปลอมต่างจากธรรมชาติ แพทย์จึงต้องให้ยาปฏิชีวนะป้องกันการติดเชื้อ รวมทั้งผู้ป่วยเหล่านี้มีความเสี่ยงสูงอยู่แล้ว อาจมีอาการหัวใจล้มเหลวมากขึ้น หรือหัวใจเต้นผิดปกติระหว่างการใส่สายขั้วไฟฟ้าเข้าไปในหัวใจ สายที่ใส่นี้กว่าจะเข้าที่ต้องใช้เวลา รอให้เกิดพังพืดขึ้นมาหุ้มยึดไว้ ดังนั้นในระยะแรกที่ใส่สายจึงอาจเลื่อนหลุดจากตำแหน่ง ทำให้การทำงานของเครื่องผิดพลาดได้ อาจต้องผ่าตัดซ้ำเพื่อเลื่อนตำแหน่งสายให้เหมาะสม 


               ศูนย์หัวใจเต้นผิดจังหวะโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จึงได้นำวิธีการรักษาแนวทางใหม่ที่เรียกว่า CFAE Ablation (Complex Fractionated Atrial Electrogram) หรือ การจี้ไฟฟ้าหัวใจบริเวณที่มี complex fractionated atrial electrogram มาใช้ในการรักษาอาการหัวใจเต้นผิดจังหวะแบบเต้นพริ้ว โดย นพ.กุลวี เนตรมณี ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยหัวใจเต้นผิดจังหวะ แปซิฟิก  ริม ลอสแองเจลีส สหรัฐอเมริกา และอายุรแพทย์โรคหัวใจ ผู้เชี่ยวชาญด้านสรีรวิทยากระแสไฟฟ้าหัวใจ ศูนย์หัวใจเต้นผิดจังหวะ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ พร้อมทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านหัวใจได้รักษาผู้มีภาวะหัวใจเต้นผิดปกติด้วยเทคโนโลยีใหม่นี้



 ในการจี้ไฟฟ้าหัวใจบริเวณที่มี complex fractionated Atrial Electrogram หรือ CFAE ablation นำเทคโนโลยี 3 – Dimension electroanatomical mapping มาใช้ในการจำลองภาพ 3 มิติของหัวใจ และใช้ระบบแสดงภาพของ CARTO และ CARTO-SOUND ซึ่งเป็นระบบอัลตราซาวนด์ในการสร้างภาพกราฟฟิค 3 มิติ ทำให้แพทย์เห็นโครงสร้างของหัวใจและตำแหน่งที่เกิดความผิดปกติได้อย่างชัดเจน ในการจี้จะต้องใส่สายสวนชนิดพิเศษเข้าไปจี้จุดกำเนิดคลื่นหัวใจที่ซับซ้อนหรือวงจรการเต้นผิดปกติในห้องหัวใจ โดยใช้คลื่นวิทยุจี้ทำลายจุดกำเนิดนั้นๆ มีผลให้การนำไฟฟ้าที่ผิดปกติขาดจากกัน 
การจี้ไฟฟ้าหัวใจบริเวณที่มี complex fractionated Atrial Electrogram หรือ CFAE ablation จะใช้ในการรักษาภาวะหัวใจห้องบนเต้นเร็วผิดปกติ (SVT) หัวใจสั่นพริ้ว (AF) Flutter หัวใจห้องล่างเต้นเร็วผิดปกติ (VT) ซึ่งเป็นภาวะที่อันตรายที่สุดและทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตกะทันหันได้ อีกทั้งยังสามารถลดความเสี่ยงในการรักษาและช่วยให้ผู้ป่วยฟื้นตัวได้เร็วขึ้น 



ข้อดี
ผู้ป่วยฟื้นตัวเร็วและสามารถทำลายวงจรไฟฟ้าที่ผิดปกติภายในหัวใจให้หายขาดได้อย่างถาวรได้โดยไม่ต้องกินยา


ข้อเสีย

ตำแหน่งของความผิดปกติอาจมีได้หลายตำแหน่ง ถ้าหากยังตรวจไม่พบอาจต้องจี้รักษาครั้งที่สอง




อ้างอิง

ฐานเศรษฐกิจ.(2558). ‘CFAE Ablation’ รักษาหัวใจเต้นผิดจังหวะเทคนิคใหม่ที่รพ.บำรุงราษฎร์.  [ออนไลน์].
       เข้าถึงได้จาก http://www.thansettakij.com/2015/09/10/10701.สืบค้นเมื่อ 25 มีนาคม 2559
ไทยรัฐออนไลน์.(2559). นวัตกรรมใหม่ "คลื่นไฟฟ้าจี้หัวใจ" รักษาภาวะเต้นผิดจังหวะแม่นยำ. [ออนไลน์].
       เข้าถึงได้จาก : http://www.thairath.co.th/content/135751สืบค้นเมื่อ 18 มีนาคม 2559
โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์. (ม.ป.ป.). ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ. [ออนไลน์]. 
       เข้าถึงได้จาก : https://www.bumrungrad.com/th/arrhythmia-treatment- center-bangkok-thailand/arrhythmia. สืบค้นเมื่อ 31 มีนาคม 2559
โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์. (ม.ป.ป.). Cardiac Electrophysiology Lab (EP Lab). [ออนไลน์]. 
       เข้าถึงได้จาก : https://www.bumrungrad.com/th/arrhythmia-treatment-center-bangkok-thailand/procedures/cardiac-electrophysiology-ep-lab. สืบค้นเมื่อ 31 มีนาคม 2559
สถาบันวิจัยหัวใจเต้นผิดจังหวะ แปซิฟิก ริม. (ม.ป.ป.). นวัตกรรมการรักษาภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ.[ออนไลน์].
       เข้าถึงได้จาก : https://www.bangkokhospital.com/pacific-rim/index_th.php? Treatment-Options. สืบค้นเมื่อ 18 มีนาคม 2559



จัดทำโดย นางสาวพลอยไอริณ แก้วมีศรี

วันอาทิตย์ที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2559

VANQUISH (45C RF) สลายไขมันผ่านคลื่นวิทยุ


VANQUISH (45C RF) สลายไขมันผ่านคลื่นวิทยุ


              การใช้พลังงานความร้อนกำจัดไขมันในอดีตทำให้เกิดปัญหามากมาย เช่น ทำลายเซลล์เนื้อเยื่ออื่นๆ ทำให้เกิดการไหม้ในผิวชั้นบน หรือเจ็บปวดในระหว่างการรักษา หรือเครื่องมือไม่มีประสิทธิภาพมากพอที่จะกำจัดไขมันได้ จึงต้องทำหลายๆ จุดซ้ำๆ ทำให้ใช้เวลามากในการกำจัดไขมันให้ได้พื้นที่กว้าง ดังนั้นจึงมีการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ ขึ้นมาทดแทนวิธีการเก่าๆ 
        Vanquish (45c RF) เป็นนวัตกรรมใหม่ในการกำจัดไขมันแบบถาวร โดยจะส่งพลังงานคลื่นวิทยุแบบ Selective RF เป็นบริเวณกว้างไปยังชั้นไขมันเท่านั้น และทำให้เกิดความร้อนที่ระดับ 45 องศาเซลเซียส โดยเซลล์ไขมันจะค่อยๆ ทำลายตัวเอง และถูกขับออกจากร่างกายผ่านระบบดูดซึมธรรมชาติ ชั้นไขมันจะหดเล็กลง ไม่มีอันตรายต่อเซลล์เนื้อเยื่อ เซลล์ผิวหนัง และเซลล์ข้างเคียงอื่นๆ ซึ่งทำให้ไม่เกิดแผลไหม้ เจ็บปวดระหว่างการรักษา สำหรับตำแหน่งที่เหมาะสำหรับการกำจัดไขมันด้วยวิธีนี้คือ  หน้าท้องหรือข้างเอวซึ่งเป็นบริเวณที่กว้าง 



         ผู้เข้ารับการรักษาเพียงแต่นอนสบายๆ เครื่องจะส่งพลังงานเข้าสู่ชั้นไขมันโดยไม่ต้องสัมผัสผิว ผู้รับการรักษาจะรู้สึกเพียงอุ่นๆ ในบริเวณที่ส่งพลังงานลงไป ใช้เวลาในการรักษาครั้งละ 30 – 45 นาที สัปดาห์ละครั้ง เป็นเวลา 4 -6 สัปดาห์ ชั้นไขมันจะหดเล็กลง และสามารถเห็นผลลัพธ์ของสัดส่วนที่ลดลงอย่างชัดเจนหลังการรักษา 6 สัปดาห์

ข้อดี
1.ประหยัดเวลา ใช้ระยะเวลาในการสลายไขมันน้อย 
2.ปลอดภัย ไม่ทำให้เจ็บปวดหรือต้องพักฟื้น
3.ไม่ทำร้ายผิวหนังให้แสบมีรอยไหม้


ข้อเสีย
1. เสียค่าใช้จ่ายค่อนข้างแพง






เพื่อให้ผลลัพธ์คงอยู่อย่างถาวรควรมีการออกกำลังกาย และควบคุมน้ำหนัก อย่างสม่ำเสมอ


เอกสารอ้างอิง 


VANQUISH (45C RF) เทคโนโลยีล่าสุดในการกำจัดไขมันแบบถาวร. สืบค้นเมื่อวันที่ 9 เมษายน, 2559, จาก http://www.apexprofoundbeauty.com/treatment/vanquish/

พีรดนย์ ศิวัตม์ณัฐชยา. นวัตกรรมใหม่ล่าสุดกำจัดไขมันแบบถาวรไม่เจ็บ ไม่มีแผลเปิด ไม่ต้องพักฟื้น. สืบค้นเมื่อวันที่ 9 เมษายน, 2559, จาก http://www.dreamcosmetique.com/?cid=1968046&a_action=article_view&groupArticleId=1590&articleTopicId=4666

เอเพ็กซ์ แนะนำนวัตกรรมใหม่ล่าสุด ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ครั้งสำคัญในการกำจัดไขมันแบบถาวร 45C RF ไม่เจ็บ ไม่มีแผลเปิด ไม่ต้องพักฟื้น. สืบค้นเมื่อวันที่ 9 เมษายน, 2559, จาก http://www.newswit.com/food/2015-01-12/13c00a91097d483e1b5626209489f522/





จัดทำโดย
นาย กฤติพงศ์ ก้อนคำ  5701210347 SEC A

วันเสาร์ที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2559

หูฟังออกกำลังกาย

หูฟังออกกำลังกาย
(LG Heart Rate monitor earphones)


   การออกกำลังกาย มีจุดมุ่งหมายเพื่อให้มีสุขภาพดีและเผาผลาญแคลลอรี่ที่ได้รับมาในแต่ละวัน  ซึ่งปกติการออกกำลังกายมักจะไม่ทราบปริมาณแคลลอรี่ที่เสียไปขณะออกกำลังกายอย่างแน่ชัด แต่สำหรับผู้ป่วยโรคหัวใจหรือความดันโลหิตสูงที่ต้องการออกกำลังกายมักมีความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุขณะออกกำลังกาย ดังนั้นหากมีเครื่องช่วยวัดอัตราการเต้นของหัวใจขณะออกกำลังกายก็จะช่วยลดความเสี่ยงต่างๆ จากการออกกำลังกายได้ และโดยทั่วไปคนที่ชอบในการออกกำลังกายมักจะใส่หูฟังเพื่อฟังเพลงให้ผ่อนคลาย หรือเป็นตัวกำหนดเวลาในการออกกำลังกาย ดังนั้นทางบริษัท LG Electronics จึงได้คิดค้น "หูฟังออกกำลังกาย" ขึ้นมา 



      หูฟังนี้สามารถเชื่อมต่อกับแอพพลิเคชั้นในโทรศัพท์ทั้ง ios และ android ซึ่งมีลักษณะเด่นคือ มีบลูทูธในการเชื่อมต่อข้อมูล สามารถบอกปริมาณแคลลอรี่ที่เสียไปจากการออกกำลังกาย อัตราการเต้นของหัวใจขณะออกกำลังกาย และสามารถฟังเพลงไปพร้อมๆ กันได้อีกด้วย นอกจากนี้หูฟังยังสามารถเชื่อมต่อกับกำไลข้อมือที่มีโปรแกรมเป็นศูนย์กลางในการประมวลและเก็บข้อมูล และจะส่งข้อมูลผ่านบลูทูธไปยังแอพพลิเคชั่นเพื่อติดตามผล 

หูฟังออกกำลังกายสามารถใช้ได้กับ ios6, ios7 สำหรับ iphone และ ipod touch และ android 4.3 ,4.4 

       หูฟังนี้แตกต่างจากหูฟังโดยทั่วไปคือ สามารถฟังได้ทั้งเพลงและบอกสัญญาณชีพขณะออกกำลังกายได้ เพื่อบ่งบอกถึงสภาวะของร่างกายเพื่อให้มีความปลอดภัยขณะออกกำลังกาย

หลักการทำงานของหูฟังออกกำลังกาย

      ขณะที่ออกกำลังกายและใส่หูฟัง หูฟังซึ่งมีระบบบลูทูธเชื่อมต่อกับกำไลข้อมือและแอพพลิเคชั่นจะส่งผลของอัตราการเต้นของหัวใจไปที่กำไลข้อมือและแอพพลิเคชั่น โดยแสดงปริมาณแคลลอรี่ที่เสียไปขณะออกกำลังกาย และอัตราการเต้นของหัวใจเป็นตัวเลขแสงสีบนกำไลข้อมือ และที่แอพพลิเคชั่นจะมีทั้งตารางและกราฟแสดงอัตราการเต้นของหัวใจ ปริมาณแคลลอรี่ที่เสียไป ระยะทางที่วิ่งออกกำลังกาย เวลาที่ออกกำลังกายและมีตารางแสดงถึงภาวะที่อาจเกิดอันตรายได้ขณะออกกำลังกาย 

ลักษณะเด่นเพิ่มเติม
-     เสียงมีคุณภาพ
-     มีปุ่มควบคุมการฟังเพลง
-     บอกระยะเวลา ปริมาณแคลลอรี่ที่เสียไป ความเร็ว อัตราการเดิน อัตราการเต้นของหัวใจ
-      มีเสียงบอกเวลาขณะเริ่มออกกำลังกาย เวลาออกกำลังกายเสร็จ เวลาที่ใช้ในการออกกำลังกาย 


ประโยชน์
-      ทำให้สามารถป้องกันภาวะเสี่ยงของอัตราการเต้นของหัวใจขณะออกกำลังกายได้ เช่น หัวใจเต้นเร็วผิดปกติ
-       สามารถฟังเพลงและวัดอัตราการเต้นของหัวใจขณะออกกำลังกายไปพร้อมกันได้ซึ่งในหูฟังธรรมดาไม่สามารถทำได้
-       สามารถคำนวณแคลลอรี่ที่เสียไปจากการออกกำลังกายในแต่ละวัน/ครั้ง

ข้อดี
-         สามารถฟังเพลงและวัดอัตราการเต้นของหัวใจขณะออกกำลังกายได้
-         สามารถคำนวณแคลลอรี่ที่เสียไปขณะออกกำลังกายได้
-         สามารถบอกถึงภาวะเสี่ยงของอัตราการเต้นของหัวใจขณะออกกำลังกายได้

ข้อเสีย
-         มีราคาแพง







อ้างอิง

ANDREW MARTONIK. (2014). Two more accessories to keep track of your own health. สืบค้นเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 59 จาก http://www.androidcentral.com/lg-s-fitness-wearables-lifeband-touch-and-heart-rate-earphones
Jon Phillips. (2014). LG Heart Rate Earphones review: a fitness wearable with good sound and accurate data. สืบค้นเมื่อวันที่ 19 มีนาคม 59 จาก http://www.techhive.com/article/2357520/lg-heart-rate-earphones-review-a-fitness-wearable-with-good-sound-and-accurate-data.html
Mat Smith. (2014). LG Heart Rate Monitor Earphone review: good fitness gadget, poor earphones. สืบค้นเมื่อวันที่ 21 มีนาคม 59 จาก http://www.engadget.com/2014/07/29/lg-heart-rate-monitor-earphone-review/
Teerasern. (2016). Gadgets Review : LG Heart rate earphones นิยามใหม่ของหูฟังอัจฉริยะที่สามารถวัดอัตราการเต้นของหัวใจได้แบบ Real time. สืบค้นเมื่อวันที่ 23 มีนาคม 59 จาก http://pdamobiz.com/show_news.asp?NewsID=913740&PN=1
(2014). LG Heart Rate Monitor Earphones. สืบค้นเมื่อวันที่ 19 มีนาคม 59 จาก http://www.bhphotovideo.com/c/product/1057121-REG/lg_fr74_heart_rate_monitor_earphones.html



นางสาว ทิศากร  กันยวง 
5701210538