วันพฤหัสบดีที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2559

สเต็มเซลล์มหัศจรรย์รักษาโรค

สเต็มเซลล์มหัศจรรย์รักษาโรค

Stemcell (สเต็มเซลล์) หรือที่เรียกอีกชื่อหนึ่งในวงการแพทย์ว่า เซลล์ต้นกำเนิด สเต็มเซลล์สามารถเจริญเติบโตและแบ่งขยายเซลล์ที่ทำหน้าที่จำเพาะอย่างใดอย่างหนึ่งแทนที่เซลล์เดิมในร่างกายที่สูญเสียไปแล้วได้อย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อเกิดการบาดเจ็บของอวัยวะในร่างกาย  สเต็มเซลล์จะเข้าไปกระตุ้นหรือเปลี่ยนแปลงเนื้อเยื่อของอวัยวะนั้นทำให้มีการเจริญงอกใหม่ขึ้นมาแทนที่เซลล์เดิมที่สูญเสียไป เช่น เมื่อฉีดสเต็มเซลล์เข้าไปในไขกระดูกเดิมของผู้ป่วยที่เป็นมะเร็งที่เซลล์ไขกระดูกถูกทำลายจากการรักษาด้วย chemotherapy (การรักษาด้วยยาหรือสารเคมีที่มีฤทธิ์ในการฆ่าเซลล์มะเร็ง) สเต็มเซลล์ที่ฉีดเข้าไปจะแบ่งตัวเป็นเซลล์ไขกระดูก และสามารถผลิตเซลล์เม็ดเลือดเลือดแดงได้ตามปกติ ซึ่งช่วยให้ผู้ป่วยมีชีวิตอยู่ต่อไปได้
การศึกษาและวิจัยเกี่ยวกับสเต็มเซลล์ หรือเซลล์ต้นกำเนิด มีมาเป็นเวลากว่า 20 ปี โดยเริ่มต้นจากนักวิทยาศาสตร์ที่สามารถแยกสเต็มเซลล์จากตัวอ่อนของหนูที่เลี้ยงในห้องทดลองออกมาได้สำเร็จ ต่อมาได้มีการแยกสเต็มเซลล์ของมนุษย์และพบว่าสเต็มเซลล์สามารถพัฒนาไปเป็นเซลล์ชนิดอื่นได้ ในปี พ.ศ. 2541 นักวิทยาศาสตร์ได้ทำการเพาะสเต็มเซลล์จากตัวอ่อนมนุษย์และเซลล์สืบพันธุ์ได้สำเร็จ และในปี พ.ศ. 2544  ได้มีการนำสเต็มเซลล์ตัวอ่อนไปเพาะและพัฒนาเป็นเซลล์เม็ดเลือด
สเต็มเซลล์สามารถเก็บได้ตั้งแต่แรกคลอด ส่วนผู้ใหญ่สามารถเก็บได้จากกระแสเลือด โดยสเต็มเซลล์จากกระแสเลือดจะไหลเวียนอยู่ในกระแสเลือด  มีจำนวนน้อยมากแต่สามารถเพิ่มจำนวนขึ้นได้ หากมีสารไซโตไคนส์มากระตุ้นการทำงานของไขกระดูก ซึ่งร่างกายสามารถผลิตได้เอง   และอีกวิธีหนึ่งคือเก็บจากไขกระดูกโดยการเจาะกระดูกเข้าไปและดูดเลือดจากไขกระดูกออกมา จะได้สเต็มเซลล์ที่มาจากไขกระดูก ซึ่งได้ผลตอบรับดีในการรักษา โรคหัวใจ โรคตับ  โรคไขสันหลัง และโรคชรา แต่วิธีการเก็บที่ดีที่สุดคือการเก็บจากสายสะดือของทารกเพราะอุดมไปด้วยสาร มีเซนไคมอล สเต็มเซลล์ ซึ่งเป็นเซลล์ต้นกำเนิดที่สามารถกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย และเพิ่มอัตราการปลูกถ่ายสเต็มเซลล์จากเลือดให้มีประสิทธภาพมากขึ้น นอกจากนี้ยังลดการต่อต้านของเนื้อเยื่อในร่างกายได้อีกด้วย

ประโยชน์ของสเต็มเซลล์จากเลือดจากสายสะดือ
สเต็มเซลล์มีประโยชน์มหาศาล ปัจจุบันพบว่าใช้รักษาโรคได้กว่า 70 ชนิด เช่น มะเร็งต่อมน้ำเหลือง โรคธาลัสซีเมีย มะเร็งเม็ดเลือดขาวหรือลิวคีเมีย ไขกระดูกสร้างเซลล์ผิดปกติ มะเร็งเต้านม มะเร็งรังไข่ มะเร็งไต มะเร็งอัณฑะ ภาวะโรคเม็ดเลือดแดงแตก โรคไขกระดูกฝ่อที่เกิดภายหลัง ภาวะปลอกประสาทอักเสบชนิด เอ็มเอส โรคเอสแอลอี (โรคพุ่มพวง)โรคภูมิคุ้มกันไวเกิน สำหรับโรคอยู่ระหว่างการศึกษาวิจัยได้แก่ โรคเบาหวาน อัลไซเมอร์ พาร์กินสัน สมองพิการ ภาวะบาดเจ็บของไขสันหลัง หลอดเลือดสมอง และโรคกล้ามเนื้อเสื่อมทางพันธุกรรม

วิธีการเก็บเลือดจากสายสะดือ


ภายหลังที่คลอดลูกแล้วแพทย์จะตัดสายสะดือเด็ก หลังจากนั้นแพทย์จะทำการเก็บเลือดโดยการดูดจากสายสะดือที่เหลือติดกับรกของแม่ไป เลือดที่มีอยู่ในสายสะดือและรกมีอยู่จำนวนจำกัดเพียงแค่ 50-200 ซีซีเท่านั้น ไม่สามารถเก็บได้มากกว่านี้

การเก็บรักษาสเต็มเซลล์



 หลังจากเก็บเลือดจากสะดือแล้วก็นำส่งไปที่ห้องแล็ปเพื่อทำการคัดแยกโดยเลือดจะถูกนำเข้าเครื่องปั่นแยกสเต็มเซลล์ด้วยวิธีปราศจากเชื้อ ต่อจากนั้นจะนำสเต็มเซลล์บรรจุลงในถุงแช่แข็ง เพื่อรักษาสภาพของเซลล์ให้คงคุณสมบัติและแช่แข็งในลิควิคไนโตรเจนในอุณหภูมิเย็นจัด (-196 องศาเซลเซียส) เพื่อให้เซลล์มีชีวิตอยู่และมีสภาพที่ดีที่สุดเพื่อประสิทธิภาพในการรักษาโรค สามารถเก็บได้นาน แต่หากนานเกิน 20 ปีไปแล้วจำนวนเซลล์อาจจะลดลงหรือทำหน้าที่ลดลงได้


ข้อดีของสเต็มเซลล์

1. การรักษาด้วยสเต็มเซลล์สามารถเห็นผลได้ในระยะยาวเมื่อรักษาด้วยสเต็มเซลล์แล้วจะไม่กลับมาเป็นโรคเดิม
2. สเต็มเซลล์สามารถเข้าไปทดแทนส่วนที่เสียหายได้อย่างรู้หน้าที่โดยไม่ต้องใช้สารกระตุ้นใดๆที่อาจก่อให้เกิดอันตราย 
3. สเต็มเซลล์ที่พัฒนาแล้วสามารถชะลอความแก่ได้


ข้อเสียของสเต็มเซลล์

1.ใช้ได้ในผู้ที่น้ำหนักน้อยกว่า 30-40 กิโลกรัม หรือใช้เฉพาะในเด็กเท่านั้นหากนำมาใช้ในผู้ใหญ่จะมีจำนวนไม่พอ
2.สเต็มเซลล์ที่เก็บมาตอนเกิดต้องไม่เป็นเซลล์ที่ผิดปกติ เนื่องจากโรคบางโรคมีการถ่ายทอดทางพันธุกรรม 
3.วิธีการทำราคาค่อนข้างแพง



อ้างอิง
กบนอกกะลา. (2554). เก็บ'สเต็มเซลล์ลูก'รักษาโรค!ได้ประโยชน์คุ้มค่าแค่ไหน.  สืบค้นเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2559. จากเว็บไซต์  http://www.ranthong.com/smf/index.php?topic=30117.0%3Bwap2.
ฉัตรชัย ศรีบัณฑิต. (ม.ป.ป.). สเต็มเซลล์ (Stem Cell) คืออะไร. สืบค้นเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2559. จากเว็บไซต์ http://absolute-health.org/thai/article-th-042.htm.
สิกขวัฒน์ นักร้อง.  (ม.ป.ป.). ประโยชน์ของ stem cell จากเลือดสายสะดือและสายสะดือ. สืบค้นเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2559. จากเว็บไซต์  http://www.wongkarnpat.com/viewya.php?id=257#.VvTmHtKLTIV.
ไทยสเตมไลฟ์. (ม.ป.ป.).วิธีการจัดเก็บเตมเซลล์จากเลือดในรกและสายสะดือ. สืบค้นเมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2559. จากเว็บไซต์  http://www.thaistemlife.co.th/content/?p=4&c=20.
ไทยสเตมไลฟ์. (ม.ป.ป.).สเตมเซลล์จากกระแสโลหิต. สืบค้นเมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2559. จากเว็บไซต์  http://www.thaistemlife.co.th/content/?p=6&c=17.
ไทยสเตมไลฟ์. (ม.ป.ป.). สเตมเซลล์จากเลือดในรกและสายสะดือ. สืบค้นเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2559. จากเว็บไซต์  http://www.thaistemlife.co.th/content/?p=6&c=29.
ไทยสเตมไลฟ์. (ม.ป.ป.). Diseases Treated คุณประโยชน์ของสเต็มเซลล์. สืบค้นเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2559. จากเว็บไซต์ http://www.thaistemlife.co.th/content/?p=3&c=13.


นางสาวณัฐริกา ประสงค์ทรัพย์
            เลขที่ 13 5701210361 sec A

9 ความคิดเห็น:

  1. เป็นสเต็มเซลล์ที่มีประโยชน์ในการรักษาต่างๆได้ดีคับ
    อยากให้พัฒนาอีกเยอะๆเผื่อมาใช้นัการแพทย์

    ตอบลบ
  2. มีความรู้มากๆค่ะ ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆค่ะ

    ตอบลบ
  3. เป็นความรู้ที่คนส่วนใหญ่ ไม่ให้ความสำคัญมากนักในสังคมไทย แต่สเต็มเซลล์กลับมีประโยชน์อย่างมากในวงการแพทย์ ไม่ว่าจะอย่างไรการวิจัยค้นคว้าต่างๆย่อมเกิดประโยชน์ต่อมนุษยชาติอย่างแน่นอน

    ตอบลบ
  4. ข้อมูลอ่านเเละเข้าใจง่ายดีค่ะมีความรู้ในเรื่องๆนี้มากขึ้นด้วย

    ตอบลบ
  5. เนื้อหาดี อ่านแล้วเข้าใจง่าย ข้อมูลครอบคลุมดี
    ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆนะครับ เป็นประโยชน์มาก

    ตอบลบ
  6. ได้รับความรู้ที่มีประโยชน์

    ตอบลบ
  7. มีประโยชน์มากเลยค่ะ ไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อนเลย ดีมากๆ

    ตอบลบ
  8. เป็นข้อมูลที่ดีมากค่ะ...อ่านเข้าใจง่ายและมีความรู้เพิ่มมากขึ้นค่ะ

    ตอบลบ
  9. ขอบคุณครับ เป็นข้อมูลที่ผมไม่ทราบมาก่อนเลย เเล้วยังอ่านเข้าใจง่ายอีกด้วยครับ

    ตอบลบ