วันพฤหัสบดีที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2559

Hemopurifier เครื่องกรองไวรัสอัจฉริยะ






ในปัจจุบันโรคเอดส์มีการระบาดทั่วโลก จากสถิติในปี 2552 ขององค์การอนามัยโลกรายงานว่ามีผู้ที่ติดเชื้อเอชไอวีหรือผู้ป่วยเอดส์อยู่ประมาณ 33.3 ล้านคนทั่วโลก ซึ่งถือว่าเป็นสถิติที่สูง โรคนี้เป็นโรคที่ยังไม่มีหนทางรักษา ไม่มีวัคซีนป้องกันโรค มีเพียงยาต้านไวรัสที่ช่วยชะลอการดำเนินโรคแต่ไม่สามารถทำให้หายขาดจากโรคได้และยามีราคาแพงทำให้ผู้ป่วยในบางประเทศยังไม่สามารถเข้าถึงการรักษา นอกจากนี้การระบาดของเชื้ออีโบลา (Ebola) ในแอฟริกาตะวันตกเมื่อปีพ.. 2557 ก็ยังไม่สามารถพัฒนาวัคซีคป้องกันการติดเชื้ออีโบลาได้ ดังนั้นบริษัทยาผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อ “Aethlon Medical” ในซานดิเอโก รัฐแคลิฟอร์เนีย จึงเกิดแนวคิดในการพัฒนาเครื่องมือทางการแพทย์ที่เรียกว่า Hemopurifier โดยมีคุณสมบัติเพื่อกรองเชื้อไวรัสและสารพิษที่เข้าสู่ร่างกายเช่น HIV, Hepatitis C (HCV), Ebola และจากการทดสอบจริงกับผู้ป่วยที่ติดเชื้ออีโบลาในประเทศเยอรมันพบว่าเครื่อง Hemopurifier สามารถกรองเชื้อได้และการทดสอบประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี และในอนาคตถ้าหากทางบริษัทพัฒนาต่อยอดเครื่องมือทางการแพทย์นี้ต่อไปจะทำให้เกิดประโยชน์และช่วยพัฒนาความก้าวหน้ากับวงการแพทย์ทั่วโลก


ส่วนประกอบของเครื่อง Hemopurifier


1. ท่อที่นำเลือดจากร่างกายเข้าตัวเครื่อง
2. Filter ตัวกรองที่ทำจากพลาสติกชีวภาพ Polysulfone
3.  Antibody port
4.  ท่อส่งเลือดที่ผ่านการกรองกลับเข้าสู่ร่างกาย

หลักการทำงานของเครื่อง Hemopurifier

หลักการทำงานของเครื่อง Hemopurifier คล้ายกับเครื่องไดอะไลซิสที่เป็นเครื่องสำหรับใช้รักษาผู้ป่วยไตระยะสุดท้ายหรือผู้ป่วยไตวายเรื้อรัง โดยการกรองเลือดผ่านไตเทียมแล้วส่งเลือดกลับเข้าสู่ร่างกาย โดยเครื่อง Hemopurifier จะนำเข้าเลือดจากเส้นเลือดแดงแล้วส่งต่อเลือดให้หลอดที่มีไฟเบอร์กรองไวรัสในเครื่อง ด้วยการผสมผสานระหว่างการกรองและการใช้เทคนิคกำหนดสีและคัดแยก หลังจากกรองไวรัสแล้วจึงส่งเลือดที่ผ่านการ กรองเชื้อไวรัสและสารพิษกลับเข้าสู่ร่างกายซึ่งเหมือนเป็นการเลียนแบบระบบภูมิต้านทานในร่างกายของมนุษย์

ข้อปฏิบิติก่อน-หลังการทำ Hemopurifier



1.ให้ผู้ป่วยงดรับประทานยาลดความดันก่อนการรักษา 24 ชั่วโมง เพราะอาจทำให้เกิดปฏิกิริยา anaphylactoid เช่น ความดันโลหิตต่ำ หายใจลำบาก หัวใจเต้นช้ากว่าปกติ                       
2. สังเกตสภาพทั่วไป การรับรู้ การเคลื่อนไหวของร่างกาย เพื่อประเมินความพร้อมของร่างกายในการรักษา
3. ติดตามผลการตรวจเลือด เพื่อติดตามประสิทธิภาพในการรักษา ดูการเพิ่มขึ้นหรือลดของเชื้อไวรัส


ข้อดี

1.สามารถกำจัดจุลชีพในเลือดได้หลากหลายชนิด เช่น HIV, Hepatitis C (HCV), Ebola                
2.รวดเร็ว ใช้เวลาไม่เกิน 1 ชั่วโมงในการรักษา
3.สามารถพัฒนาต่อยอดเพื่อกำจัดเชื้อไวรัสอื่นๆ                                                                         
4.ลดอัตราการเสียชีวิตของผู้ป่วยที่ติดเชื้อ HIV อีโบลา ไวรัสตับอักเสบบี รวมทั้งโรคอื่นๆ                    
5.เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ต่อวงการแพทย์รวมทั้งผู้ป่วยติดเชื้อ


ข้อเสีย

1.ยังไม่มีการนำเครื่อง Hemopurifier เข้ามาใช้อย่างแพร่หลายในต่างประเทศ                                         
2.ยังไม่ทราบค่าใช้จ่ายที่แน่นอนและอาจมีราคาทีีสูง
3.ประสิทธิภาพการรักษาขึ้นอยู่สภาวะสุขภาพของแต่ละบุคคล


แหล่งอ้างอิง

ASTVผู้จัดการออนไลน์. (2014). 25 สุดยอดสิ่งประดิษฐ์แห่งปี 2014. ค้นเมื่อ 24 มีนาคม 2559. แหล่งที่มา: http://www.manager.co.th/Cyberbiz/ViewNews.aspx?NewsID=9570000136794

The U.S. National Institutes of Health. (2016). Safety Study of the Aethlon Hemopurifier (AEMD-IDE-20). ค้นเมื่อ 24 มีนาคม 2559. แหล่งที่มา: https://clinicaltrials.gov/ct2/show/NCT02215902

มิสแซฟไฟร์. (2014). นวัตกรรมแห่งปี เปลี่ยนแปลงโลกอนาคต. ค้นเมื่อ 24 มีนาคม 2559. แหล่งที่มา: http://www.thairath.co.th/content/466019  
   
วิชาการคอม. (2008). เครื่องกำจัดไวรัสในกระแสเลือด. ค้นเมื่อ 24 มีนาคม 2559. แหล่งที่มา: http://www.vcharkarn.com/vcafe/150548


จัดทำโดย
นางสาว ฉัตรลดา ศิกษกโสภณ
5701210187 Sec A 

2 ความคิดเห็น:

  1. ตัวหนังสือเลกไป ภาพพื้นหลังเปนสีมันมองตัวหนังสือไม่ค่อยชัด แต่สวยดีค่า

    ตอบลบ
  2. สนุกมากๆค่ะ เนื้อหาน่าสนใจ ขอบคุณมากๆค่ะ

    ตอบลบ